2 ก.ค. 2558

แบบทดสอบก่อน-หลัง ศึกษาเนื้อหาความรู้ เรื่อง เส้นทางสู่อนาคต

แบบทดสอบก่อน - หลัง ศึกษาเนื้อหาความรู้

เรื่อง เส้นทางสู่อนาคต


1. เทคนิคง่ายๆ ในการค้นพบตนเอง มีกี่เทคนิค
ก. 10
ข. 5
ค. 7

2. ตัวอย่างของคนที่ค้นพบตัวเอง เช่นใคร
ก. บารัค โอบามา
ข. ธงไชย แมคอินไตย์
ค. สตีฟ จอบส์

3. ทฤษฎีที่กล่าวถึงความหลากหลายของความสามารถของแต่ละคน คือทฤษฎีอะไร
ก. ทฤษฎีพหุปัญญา
ข. กำลังสองสัมบูรณ์
ค. กฏของนิวตัน

4. ข้อดีของการเรียนสายสามัญ แบ่งเป็นกี่ข้อ
ก. 4
ข. 7
ค. 8

5. การตัดสินใจเลือกอาชีพ มีองค์ประกอบสำคัญกี่อย่าง
ก. 2
ข. 4
ค. 9

6. ข้อใดไม่ใช่ข้อสรุปก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพ
ก. ควรรู้จากตนเองให้ดีเสียก่อน
ข. ควรเลือกอาชีพที่มีรายได้สูงที่สุด
ค. ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพต่างๆ

7. ขั้นตอนการตัดสินใจเลือกอาชีพมีกี่ข้อ
ก. 7
ข. 8
ค. 9

8. ข้อใดไม่ใช่อาชีพที่มีข้อตกลงกัน เเล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างเสรี
ก. สัตวแพทย์
ข. สถาปนิก
ค. นักสำรวจ

9. ข้อตกลงเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 7 อาชีพจัดขึ้นในปี ค.ศ. ใด
ก. 2015
ข. 2558
ค. 2557

10. ข้อใดไม่ใช่แนวทางการวางแผนศึกษาต่อและประกอบอาชีพ
ก. ต้องรู้จักชนชั้น
ข. ต้องรู้จักสิ่งแวดล้อม
ค. ต้องรู้จักตนเอง


เฉลย
1. ก     2. ค    3. ก     4.  ค     5. ค     6. ข     7. ข     8. ก     9. ก     10. ก

จัดอันดับมหาลัย 10 อันดับ ที่มีนิสิต/นักศึกษาระดับปริญญาตรี จบไปแล้ว ดัชนีการได้ทำงานสูง!!!

        อย่างที่บอกการเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่เอาแต่เรียนที่สำคัญต้องจบมาแล้วมีงานทำ มาดูกันเลยว่ามีมหาวิทยาลัยไหนบ้าง จัดตามดัชนีของจำนวนจบนักศึกษา/นิสิตที่ได้งานและคนไม่ได้งานตามสูตรที่อ้างอิงด้านล่าง
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยนเรศวร
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
จัดตาม ที่คิดผลต่างของจำนวนนักศึกษา/นิสิต อันนี้ได้คัดกรองแล้วน่าเชื่อถือ
โดยนำข้อมูลคนทำงานแล้วจาก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2470291
และ นำจำนวนนักศึกษาจาก เว็บ สอท.(ไม่รวมพวกเด็กแพทย์ เพราะไม่ได้รับแอดมินชั่น แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถิติก็ได้เพราะยังไงก็มีงานทำ)

หลักการดูแบ่งออกเป็น 4 ช่อง    จำนวนคน/คนทำงาน/ตกงานหรือเรียนต่อ/ดัชนี โดยจัดตามดัชนีที่คิดเหมือนการงอกของพืช คือยิ่งจำนวนคนมาก แต่ จำนวนตกงานน้อยดัชนีก็มาก ทำให้มหาลัยนั้นสามารถผลิตคนได้จริงตามหลักฟังก์ชันสมการนี้
Ix = N*P/D   โดย D# 0 แต่เริ่มที่ 1 หากไม่มีคนตกงานให้ใส่เลข 1ก็ผลิตได้ 100%
แทนคนทั้งหมดในมหาลัยนั้น 
คนทำงานแล้ว
คนตกงานหรือเรียนต่อ
Ix ดัชนีคุณภาพของมหาลัยนั้นที่มีกำลังการผลิต
ดูในตารางนี้ เป็นการนำข้อมูลข้างบนมาทำการแจกแจง โดยเรียงจำนวนคนจากมากไปน้อย
________________________________
มหาลัย                               N         P             D       Ix(หน่วย)
เกษตรศาสตร์(บางเขน)     5546    3999        1547    14336.42
จุฬาลงกรณ์                     4979     3668        1311    13930.57
เชียงใหม่                         3668     2732        936     10706.17
ขอนแก่น                         3658     2665        993      9817.29
นเรศวร                            3558     2751        807     12128.94
บูรพา                              3385     2546        839     10272.00
ศรีนครินทรวิโรฒ              2441    1913         528     8844.00
มหิดล                             1918     1436        482      5714.20
เทคโนโลยีสุรนารี             1879     1582        297     10008.68
ธนบุรี                                127     1010        262      4903.57


ข้อมูลมาจาก

หมายเหตุ ข้อมูล ปี 2552 และแม้ว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้แม้จะมี % สุงกว่าขอนแก่นแต่จำนวนคนไม่ทำงานเยอะกว่าจึงไม่จัดแม่โจ้ขึ้นก่อนเนื่องจาก ขอนแก่นมีจำนวนนักศึกษาหรือนิสิตมากกว่า
นอกจากนี้ท่านยังสามารถใช้คำนวณกับมหาลัยอื่นเองได้ด้วย
- ข้อมูลนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึงกำลังการผลิตนักศึกษาเท่านั้น ไม่ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพการเรียนการสอนและกระแสนิยม แต่เป็นเพียงเครื่องมือในการตัดสินใจของนักศึกษาหรือนิสิตที่จะเรียนที่มหา ลัยเหล่านี้ว่า อย่างน้อยจบมาโอกาสได้งานทำมากๆก็มีสูง


ทำไมมหิดลถึงไปอยู่ลำดับ 9 คำตอบ คือ มันต้องดูจำนวนคนที่ทางมหาลัยรับได้ด้วย เพราะการจัดอันดับอันนี้ไม่ใช่วัดจากข้อมูลเชิงคุณภาพแต่วัด เชิงปริมาณ ดังนั้นไม่รวมข้อมูลของ คณะหรือคุณภาพการเรียนการสอนตามข้อมูลเบื้องต้น

5 อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด


        นายอาร์มัน เบดราซเซียน นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันมิลเกน กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่มีอัตราการว่างงานสูงจะมีตำแหน่งงาน อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด?สำหรับพวกเพิ่งจบใหม่หรือเพิ่งเริ่มทำงาน และความชำนาญน้อยจำนวนมาก รวมถึงมีอัตราคนเข้า-ออกงานสูง
ข้อมูลดังกล่าวถูกสำรวจโดย สมาร์ทมันนี่ วอลล์สตรีทเจอร์นัลล์?ออกมาเปิดเผยผลสำรวจ 5 อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุดหรือให้ออกจากงานมากที่สุด รู้แล้วใจสั่นเลยหละ ฉะนั้นเตรียมตัวให้พร้อมซะก่อนจะสาย
อ้างอิง :สมาร์ทมันนี่ วอลล์สตรีทเจอร์นัลล์

อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด อันดับที่ 5 ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ดูแลคนป่วยที่บ้าน


        อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพและช่วยเหลือสังคม 8.2% ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ผู้ช่วยพยาบาล หรือ ผู้ดูแลคนป่วยที่บ้าน



อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด อันดับที่ 4 อุตสาหกรรมค้าปลีก 



อุตสาหกรรมค้าปลีก 8.6% เนื่องจากพิษของเศรษฐกิจทำให้ต้องลดพนักงานลง



อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด อันดับที่ 3 อุตสาหกรรมการผลิต


อุตสาหกรรมการผลิต 9.7% เนื่องจากมีผลกระทบจากอัตราการเข้า-ออกงานสูง 
ทำให้ภาคการผลิตได้มีการเลิกจ้างงานสูงถึง 19%



อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด อันดับที่ 2 งานธุรการ


งานธุรการ 12.2% จากเดิมที่พนักงานธุรการหนึ่งคนจะมีอัตราส่วนในการทำงานให้กับผู้บริการหนึ่งคนนั้น แต่ต่อไปในอนาคตพนักงานธุรการหนึ่งคนต้องทำงานให้กับผู้บริหารหลายคน



อาชีพที่เสี่ยงตกงานมากที่สุด อันดับที่ 1 อุตสาหกรรมก่อสร้าง 


อุตสาหกรรมก่อสร้าง 13.6% มีผู้เชี่ยวชาญออกมาวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ก่อสร้างลดลงต่ำสุดจนน่าตกใจ อีกทั้งการก่อสร้างในอนาคตจะลดเวลาให้สั้นลง

10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน


       
        ใกล้เข้าสู่ยุคอาเซียนเข้าไปทุกทีแล้วนะคะ เรื่องของภาษา การเรียนรู้ระหว่างประเทศนั้นก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของวัยรุ่นอย่างเรามากขึ้น ตามมหาวิทยาลัยทั่วประเทศต่างก็เกิดคณะ-สาขาใหม่ๆขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมรับยุคอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้ เด็กนักเรียน นักศึกษาอย่างเราก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน ถ้าน้องๆ เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังเลือก/ตัดสินใจ สาขาเรียนที่อยากเรียนอยู่ ทีนเอ็มไทยมี 10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน มาฝากกันคะ ซึ่งทั้ง 10 สาขาวิชานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้ดีทีเดียว อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่มีความต้องการในอนาคต สามารถสร้างอาชีพให้เพื่อนๆ ได้ถ้ารู้จักการวางแผนที่ดีด้วยนะคะ ^^

10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน
10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : วิศวกรรมการแพทย์

        1.วิศวกรรมการแพทย์  หรือเรียกอีกชื่อว่า ชีวเวช (biomedical engineering)หรือวิศวกรรมการแพทย์ (medical engineering)  เป็นสาขาวิชาที่นำเอาความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เช่น ความรู้กลศาสตร์ของไหล นำมาใช้กับการทำหัวใจเทียม หลอดเลือดเทียม , แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (mathematical modeling) ความรู้ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน เพื่อออกแบบ สร้างหรือพัฒนาซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงการศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อน และต้องการขั้นตอนการผลิตที่มีมาตรฐาน และ ประสิทธิภาพสูง เช่น นำมาอธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งความรู้ทางกลศาสตร์และคอมพิวเตอร์ใช้ในการหุ่นยนต์นำการผ่าตัด เทคโนโลยีในเครื่องมือผ่าตัด เครื่องส่องดูอวัยวะในร่างกาย อุปกรณ์จ่ายยาอัตโนมัติ ข้อต่อหรืออวัยวะเทียม เครื่องวิเคราะห์สัญญาณหัวใจหรือสมอง อุปกรณ์ตรวจสอบระบบน้ำตาลในเลือด ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ การออกแบบสร้างอุปกรณ์พิเศษที่จำเป็นต่อการบำบัดรักษา การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ไปจนถึงการสังเคราะห์โพลิเมอร์นำส่งยาเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงการศึกษาและวิจัยอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทางการแพทย์ต่างๆ
        สาขาวิศวกรรมชีวการแพทย์เป็นสาขาวิชาที่บูรณาการศาสตร์ต่างๆ ต่อไปนี้ วิศวกรรมศาสตร์ ทั้งไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เครื่องกล อิเล็กทรอนิกส์ นาโน วัสดุ หรือแม้แต่ความรู้ทางวิศวกรรมโยธาก็มีประโยชน์ในสาขานี้ รวมถึงความรู้ในสาขาแพทยศาสตร์ ชีววิทยา เคมี ชีวเคมี เภสัชศาสตร์ รังสีวิทยา เทคนิคการแพทย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอื่นๆ เพื่อนำความรู้มาใช้พัฒนาหรือสร้างเครื่องมือ ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะ
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน :
1. มหาวิทยาลัยมหิดล (แห่งแรกของประเทศไทย)
2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
4. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : ทัศนมาตรศาสตร์

        2.ทัศนมาตรศาสตร์ หรือถ้าเป็นที่ม.รังสิตจะเรียกว่าทัศนศาสตร์ ถือเป็นสาขาที่มีคนเรียนน้อย และแน่นอนก็จบน้อยตามไปด้วย แต่ความต้องการ มีสูง วิชาชีพทัศนมาตรศาสตร์เป็นการประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับการตรวจและทดสอบระบบการมองชัดของสายตา การทดสอบระบบการเคลื่อนไหวของดวงตา ตรวจคัดกรองสายตาที่ผิดปกติส่งต่อแพทย์ตามความเหมาะสม และแก้ไขฟื้นฟูความผิดปกติของการมองเห็นโดยการใช้แว่นตาเลนส์สัมผัสหรือคอนแท็คเลนซ์ และการฝึกการบริหารกล้ามเนื้อตาซึ่งไม่รวมถึงการแก้ไขความผิดปกติเนื่องจากระบบประสาทตาหรือโรคทางตาที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของการหักเหของแสงการแก้ไขความผิดปกติโดยการใช้ยาหรือการผ่าตัด และการใช้เลเซอร์ชนิดต่างๆ
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน :
1. มหาวิทยาลัยรังสิต
2. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
3.วิศวกรรมการเงิน(Financial Engineering)
สาขาวิศวกรรมการเงิน(Financial Engineering) เป็นทักษะที่ใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ สถิติ เศรษฐศาสตร์ และ การเงิน มาบูรณาการรวมกัน?โดยเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้เรื่องดังกล่าวเป็นพื้นฐานสำคัญไปสู่ทักษะด้านการวิเคราะห์การเงิน การลงทุน และการจัดการความเสี่ยง ตลอดจนมีความสามารถในการใช้เครื่องคำนวณ และเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
หลักสูตรในมหาวิทยาลัยของประเทศไทยจะสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษา โดยในชั้นปี 3 และปี 4 จะสามารถให้นักศึกษาสอบใบอนุญาตผู้ประกอบการธุรกิจการเงินเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ตลาดงาน เช่น?CISA (Certified Investment and Securities Analyst Program)?ของประเทศไทยและ?CFA (Chartered Financial Analyst)ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้อีกด้วย
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน :
1. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (แห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนสาขาในด้านนี้)
2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : มีเดียทางการแพทย์


        4.มีเดียทางการแพทย์  สาขาวิชามีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ (Medical & Science Media) เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถ มีทักษะความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการออกแบบ และผลิตสื่อทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นการผลิตสื่อทางด้านเสียง กราฟฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว 2 มิติ 3 มิติ และสามารถบูรณาการกับศาสตร์ทางการแพทย์ ในการผลิตสื่อเพื่อการเรียนรู้ และการวินิจฉัย การนำเสนอ การประชาสัมพันธ์ และการวิจัยเพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานทางด้านแพทย์ และสาธารสุขให้สูงขึ้น
และสามารถชี้นำแนวทาง ในการพัฒนาศาสตร์ด้านมีเดียทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ให้กับสังคม ตลอดจนปลูกฝังให้บัณฑิตเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และรับผิดชอบต่อสังคมในวงการวิชาชีพ โดยผู้ที่เรียนหลักสูตรนี้จะได้ปริญญาบัตร เทคโนโลยีบัณฑิต (มีเดียทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์) หรือ Bachelor of Technology (Medical and Science Media)
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน :
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม

        5.นิเทศศาสตร์และนวัตกรรม
        1. ปริญญาตรี นิเทศศาสตร์เกษตร คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นิเทศศาสตร์เกษตร (Agricultural Communication)เป็นสาขาวิชาที่สามารถนำเอาความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีและวิทยาการใหม่ๆ ในวงการเกษตรส่งสารไปสู่เกษตรกรและชุมชนได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมพัฒนาการเกษตรและสาขาอื่นๆ ได้เพื่อให้การพัฒนาระบบการเกษตรของไทยมีความเข้มแข็งและยั่งยืน
        2. ปริญญาตรี สื่อสารการกีฬา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต สื่อสารการกีฬา (Sport Communication)  คนไหน อยากแนว อยากเป็นนักข่าวสายกีฬา ต้องเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต ในหลักสูตร การสื่อสารการกีฬาครับ โดยเฉพาะหลักสูตรนี้มีวิชาน่าเรียนอย่าง การถ่ายภาพกีฬา โครงการการสื่อสารและแคมเปญทางด้านกีฬา และการจัดการเกมส์กีฬาเป็นต้น
3. ปริญญาตรี นวัตกรรมสื่อสารมวลชน?คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
วารสารศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ (convergence journalism)
เป็นการศึกษาหลักการและภารกิจของงานสื่อสารมวลขน โดยฝึกฝนการนำเสนอข่าวแบบคอนเวอร์เจนซ์ ทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสังคมออนไลน์ เน้นเพิ่มพูนทักษะในการสืบค้นข้อมูล การวิเคราะห์ การเขียนและนำเสนอข่าวในรูปแบบต่าง ๆ ฝึกลงมือปฏิบัติจริงทั้งภายในห้องปฏิบัติการและในองค์กรสื่อมวลชน เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่แวดวงอาชีพด้านวารสารศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์
การสื่อสารการตลาดข้ามวัฒนธรรม (Intercultural Communication)
        หลักสูตรนี้เป็นการพัฒนาแนวคิดด้านการสื่อสารการตลาดและแบรนด์ในบริบททางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ฝึกสร้างสรรค์งานสื่อสารการตลาดเชิงกลยุทธ์ และเพิ่มพูนทักษะการการใช้เครื่องมือและผลิตสื่อใหม่เพื่อการสื่อสารการตลาดข้ามวัฒนธรรม โดยเน้นการออกฝึกงานจริงในภาคธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ด้วยกิจกรรมศึกษาดูงานในโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับประเทศในกลุ่มอาเซียนบวกสาม


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : การศึกษาตลอดชีวิต 
(Lifelong Education)


        6.การศึกษาตลอดชีวิต(Lifelong Education) เป็นสาขาวิชาซึ่งเป็นศิลปะในการสอนโดยอาศัยแนวคิดที่ว่าคนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่จำกัดโอกาสทางการศึกษา”?คนทุกคนสามารถศึกษาได้อย่างเท่าเทียมกัน องค์กรทุกองค์กรต้องจัดการศึกษาเพื่อทุกคนในสังคม และสังคมต้องเอื้อประโยชน์ด้านการศึกษาแก่ทุกคน ”Education for All and All for Education”
นักศึกษาที่เข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ จะเป็นนักศึกษาที่มีความรู้ในเรื่องการศึกษาตลอดชีวิต เกิดเจตคติที่ดี ทั้งนี้สามารุประยุกต์เอาความรู้ ทักษะทางการศึกษามาใช้กับตนเอง และสามารถจัดการศึกษาตลอดชีวิต ตอบสนองความต้องการของบุคคล องค์กร ชุมชนและสังคมโดยรวมได้นั่นเอง
วิชาที่สำคัญในการศึกษาของนักศึกษาในหลักสูตร ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาการศึกษาตลอดชีวิตนี้ที่สำคัญ เช่น จิตวิทยาการศึกษา จิตวิทยาวัยรุ่น จิตวิทยาเด็ก จิตวิทยาผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ สื่อการศึกษาเบื้องต้น เทคนิคการสอนผู้ใหญ่ การวางแผนพัฒนาและปรัชญาแนวคิดทางการศึกษาตลอดชีวิต การศึกษานอกระบบโรงเรียน การจัดการสภาพการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ การศึกษาทางเลือก การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษาทางไกล?โดยผู้เรียนต้องเข้าใจในหลักการสอนคนทุกเพศทุกวัย และจัดการสอนให้เหมาะสมตามวัยและตามความสามารถของแต่ละบุคคล


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : สหวิทยาการทางสังคมศาสตร์

        7.สหวิทยาการทางสังคมศาสตร์ สาขาวิชาที่เกิดใหม่จากการรวมศาสตร์หลายๆศาสตร์ทางสังคมศาสตร์มาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์ทางด้านบริหารธุรกิจ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ จิตวิทยา สังคมวิทยา และอื่นๆ ซึ่งเรียกการนำหลายๆศาสตร์มาประยุกต์ใช้นี้ว่าสหวิทยาการ (Interdisciplinaly) มี 6 หลักสูตร จาก 2 มหาวิทยาลัยด้วยกัน
        1. ปริญญาตรีสาขาวิชาผู้นําทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง (Leadership Studies)วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง Bachelor of Arts (Leadership Studies) นี้นั้น เป็นการพัฒนาหลักสูตร ของสาขาวิชาปรัชญา เศรษฐศาสตร์ และการเมือง ให้มีเนื้อหาสาระที่ครอบคลุมความรู้สาขาต่างๆที่จะมีส่วนพัฒนาภาวะผู้นำชัดเจนเพิ่มขึ้นครับ เป็นการศึกษาความรู้หลากหลายของวิชาทางสังคมศาสตร์ ทั้งรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ปรัชญา บริหารธุรกิจ สังคมวิทยา?และอีกหลายแขนงเพื่อทำให้บัณฑิตเป็นคนที่รู้รอบและรู้กว้างซึ่งสอดรับกับภาวะในปัจจุบันที่สังคมไทยต้องการคนที่มีทักษะในการทำความเข้าใจหลายศาสตร์ทางสังคมศาสตร์และสามารถนำมาประยุกต์ในในชีวิตประจำวันและการทำงานได้
        2. ปริญญาตรี สหวิทยาการทางสังคมศาสตร์ วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ปริญญาตรีสหวิทยาการสังคมศาสตร์ Bachelor of Arts (Interdisciplinary Studies of Social Science) จะผลิตบัณฑิตที่มีองค์ความรู้ชัดเจนในการจัดการที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์คือ ศาสตร์ด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และศาสตร์ในแนวประยุกต์อื่น ๆ โดยจะต้องมีลักษณะการเรียนการสอนในลักษณะสหวิทยาการ คือมีการเรียนการสอนลักษณะให้เอาองค์ความรู้ดังกล่าวมาโยงใยให้เห็นความเชื่อมโยงไม่ใช่สอนแบบแยกส่วน ซึ่งลักษณะการเรียนการสอนลักษณะสหวิทยาการนี้จะทำให้บัณฑิตที่มีความรู้ ความสามารถแบบองค์รวมที่นำไปใช้ประโยชน์จริงได้ และจากความเข้มแข็งในด้านการเรียนการสอนนี้ จะสามารถนำไปพัฒนาใช้เป็นประโยชน์ต่อการทำวิจัยที่มีคุณภาพต่อไปได้


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : วิศวกรรมซอฟต์แวร์และความรู้


        8.วิศวกรรมซอฟต์แวร์และความรู้ หลายคนที่ชอบเล่นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) หรือ เกมส์ออนไลน์ (Game Online) รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสาร และเทคโนโลยี ห้ามพลาด วิศวกรรมซอฟแวร์และความรู้เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ชาญฉลาดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร วิศวกรรมซอฟต์แวร์และความรู้ศึกษาวิธีการพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบดังกล่าว ทั้งจากมุมมองของวิศวกรซอฟต์แวร์ที่เน้นกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่ และจากมุมมองของวิศวกรความรู้ซึ่งเน้นกรรมวิธีการสร้าง สกัดและจัดการกับความรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล
        หลักสูตร ออกแบบโดยมุ่งเน้นการฝึกฝนให้นิสิต นักศึกษาได้นำความรู้ ด้านทฤษฎีมาใช้ปฏิบัติจริง และเน้นการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่อีกด้วย โดยการศึกษาจะศึกษาความรู้พื้นฐานด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งกระบวนการตั้งแต่การวิเคราะห์ออกแบบไปจนถึงขั้นตอนของการทดสอบ นอกจากนี้ยังศึกษาด้านวิศวกรรมความรู้ และมีวิชาเลือกด้านปัญญาประดิษฐ์และด้านวิศวกรรมความรู้ เช่น การทำเหมืองข้อมูล คลังข้อมูล และระบบช่วยตัดสินใจ เป็นต้น
มหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรปริญญาตรีวิศวกรรมซอฟแวร์และความรู้ เช่น
1. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน (หลักสูตรนานาชาติ)
2. คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หลักสูตรนานาชาติ)
4. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
5. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
6. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน)
7. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ
8. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
9. คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน : อาเซียนศึกษาและภาษาอาเซียน

        9.อาเซียนศึกษาและภาษาอาเซียน
อันที่จริงหลักสูตรการเรียนในสายมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับเพื่อนบ้านของเรานั้น มีเปิดสอนในระดับปริญญาตรีมากกว่า 14 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี พ..2543 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ริเริ่มโครงการปริญญาตรี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา หรือ (Southeast Asian Studies) ขึ้นในมหาวิทยาลัย
        1.ปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพม่าศึกษา ศูนย์พม่าศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
         2. ปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษามลายู และสาขาวิชามลายูศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
        3. ปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาภาษาเขมร และ สาขาภาษาเวียดนาม ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
         4. ปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาอาเซียนศึกษา โครงการภูมิภาคศึกษา สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์


10 สาขาวิชาใหม่มาแรง เตรียมพร้อมอาชีพในอนาคตสู่อาเซียน
การจัดการภูมิสังคมและการจัดการภูมิวัฒนธรรม

          10.การจัดการภูมิสังคมและการจัดการภูมิวัฒนธรรม เพื่อนๆ คนไหนที่พร้อมรับกับกระแสการทำงานที่ต้องอาศัยองค์ความรู้จากหลายศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ชอบด้านงานด้านการพัฒนา งานการจัดการ รวมถึงสนใจความรู้เกี่ยวกับด้านสังคม วัฒนธรรม ชุมชนท้องถิ่นแล้วหละก็ พลาดไม่ได้กับสาขาวิชาใหม่อย่าง การจัดการภูมิวัฒนธรรมและสาขาวิชาการจัดการภูมิสังคม วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

        1. ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภูมิวัฒนธรรมวิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต การจัดการภูมิวัฒนธรรม (Bachelor of Arts (Geo-Cultural Management) เป็นการผลิตบัณฑิตในโครงการบัณฑิตคืนถิ่น ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สำเร็จการศึกษากลับไปรับใช้ถิ่นบ้านเกิด มีการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม ภูมิวัฒนธรรม บนฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเปิดโอกาสให้เยาวชนชายขอบได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาครับ โดยนักศึกษาต้องเรียนองค์ความรู้ในการพึ่งตนเอง เศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน โดยต้องศึกษาที่วิทยาเขต องครักษ์ 2 ปี และวิทยาเขตที่แม่สอด จังหวัดตาก 2 ปี รวม 4 ปี
        2.ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภูมิสังคม วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการภูมิสังคม Bachelor of Arts (Geosocial-Based Management)มุ่งเน้นการจัดการศึกษาที่ เน้นกระบวนวิชาศึกษาทั่วไปที่พัฒนาผู้เรียนให้มีโลกทัศน์กว้างไกล คิดอย่างมีเหตุผล สามารถใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารความหมายได้ดี มีคุณธรรมจริยธรรม ตระหนักในคุณค่าของในวิถีพอเพียง สามารถนําความรู้ไปใช้ในการดําเนินชีวิต และดํารงตนอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้บัณฑิตยังเป็นผู้ที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเกื้อกูลท่ามกลางความแตกต่างและความหลากหลายของชนชั้นทางสังคม
        
        การจัดการภูมิสังคมจะเรียนลึกในเรื่องวิถีชีวิตและธรรมชาติ กสิกรรมและธรรมชาติ อาหารและการเกษตร วิทยาการชุมชนและเทคโนโลยี วิสาหกิจชุมชน ซึ่งล้วนเป็นวิชาที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนครับ ซึ่งนักศึกษาต้องเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ จังหวัดนครนายกในชั้นปี ที่ 1 และ 2 และเรียนที่ วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย สระแก้ว มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดสระแก้ว

25 มิ.ย. 2558

10 เทคนิคง่ายๆ ในการค้นพบตนเอง

10 เทคนิคง่ายๆ ในการค้นพบตนเอง

        เคยถามตัวเองกันไหมว่าสิ่งที่เราเลือกเรียน หรือเลือกประกอบอาชีพเป็นสิ่งที่เรารักแล้วจริงไหม หรือเราทำไปตามกระแสสังคม เพราะเงิน เพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เรามีความสุขกับมันแล้วจริงหรือ หลายต่อหลายคนกล่าวไว้ว่า การได้ทำในสิ่งที่ตนรักแล้วสามารถเลี้ยงชีพจากสิ่งนั้นได้ด้วย นับเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว หนึ่งในนั้นคือ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้ง Apple กล่าวว่า เขาโชคดีที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงสามารถเริ่มต้นความฝันของเขาได้เร็ว ใครที่ทราบชีวประวัติของเขาจะรู้ดีว่าเขาได้พบเจออุปสรรคมากมายในชีวิต แต่สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ก้าวผ่านอุปสรรคนั้นก็คือ เขารักในสิ่งที่ทำ ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก 
        แล้วสำหรับผู้ที่ยังหาความฝันของตัวเองไม่เจอล่ะ ไม่ต้องตกใจไป  เพราะทีมเรามีเทคนิคง่ายๆ มานำเสนอ ซึ่งเป็นเทคนิคที่แบ่งปันโดยคุณ Leo Babauta เจ้าของ Zen Habits Blog  หนึ่งในผู้โชคดีที่ได้หาเลี้ยงชีพจากสื่งที่ตนรัก และ confirm ว่ามันวิเศษจริงๆ เทคนิคนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุม หรือช่วยฟันธงความฝันของเรา แต่แน่นอนว่ามันจะเป็นตัวช่วยในระหว่างทางที่เรากำลังตามหาความฝัน  มาเริ่มเดินทางกันเลย

        1. คิดถึงสิ่งที่เราถนัด  ลองนึกดูสิว่าเราถนัดทำอะไร หรือมีความสามารถพิเศษอะไร อาจจะเป็นกิจกรรมที่เราเคยทำได้ดีในตอนเด็กๆ  เช่น วาดรูป เขียนหนังสือ ปลูกต้นไม้ ขายของ เป็นนักพูด นักวางแผน ประสานงานต่างๆ ลองใช้เวลาสัก 30 นาทีในการคิดย้อนกลับไปในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่อาจจะหลงลืมไปบ้าง ทั้งในเรื่องการทำงาน, งานอดิเรก,โปรเจคต่างๆ แล้วลองเขียน list ออกมา มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของเราก็ได้
 
        2. คิดถึงสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้น  อาจจะเป็นบางอย่างในหน้าที่การงานหรือในงานอดิเรก บางสิ่งที่เราทำในฐานะจิตอาสา ฐานะพ่อแม่ แฟน หรือเพื่อน หรือบางสิ่งที่เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้ว ลองใช้เวลาคิด 15-30นาที และเขียน list ออกมา (ถ้าคิดไม่ออก อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่าไหร่)



         การได้ทำในสิ่งที่ตนรักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่การจะค้นพบสิ่งที่ตนรักนั้นยากยิ่งกว่า  มันต้องอาศัยการไตร่ตรองและการค้นหาจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก ต้องเริ่มต้นจากความกล้าหาญ การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก และความรับผิดชอบอย่างมากมายในตอนท้าย แต่บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะพบสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเรา ทำให้เราอยากกระโดดออกจากเตียงเพื่อตื่นขึ้นมาทำมันในทุกๆวัน ทำให้เรามีความสุขถึงแม้ว่างานนั้นจะหนักแค่ไหนก็ตาม
        3. ชอบอ่านเกี่ยวกับอะไร  ลองสังเกตดูสิว่าเราชอบอ่านอะไร แนวไหน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, magazine, blog, website ที่ชอบ  และหมวดไหนในร้านหนังสือที่เรามักจะไปคลุกตัวอยู่เป็นประจำ อาจจะมีหลายหมวดหมู่ที่เราชอบอ่าน ก็เติมลงไปใน list ได้เช่นกัน
       
        4. อาชีพในฝันของเรา  เราอาจจะมีอาชีพในฝันที่อาจจะดูขำๆ สำหรับเรา เช่น อยากเป็นศิลปิน นักเขียนนิยาย นักออกแบบ สถาปนิก หมอ นักธุรกิจ โปรแกรมเมอร์ แต่ด้วยความกลัว หรือ ความไม่มั่นใจอะไรก็แล้วแต่ที่อาจทำให้เราไม่กล้าทำตามฝันนั้น ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปใน list โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง
        5. เรียนรู้และศึกษา  คราวนี้ก็มาดู list ในมือของเรา หยิบมาหนึ่งอย่างที่ทำให้เราตื่นเต้นที่สุด นี่เป็นตัวเลือกตัวแรกของเรา และจงศึกษามัน พยายามคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จในด้านนั้นๆ (ไม่ว่าจะเป็นการคุยผ่าน blog หรือ email ก็ได้) จากนั้น จดสิ่งที่เราต้องการปรับปรุงหรือเรียนรู้เพิ่มเติม,รายชื่อบุคคลที่ต้องไปคุยด้วย แต่อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานก่อนที่จะก้าวไปในขั้นตอนต่อไป
        
         6. ลองทำและพยายาม  ขั้นตอนนี้แหละที่เป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้อย่างแท้จริง  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เริ่มเรียนรู้ก็ให้เริ่มจากตัวเลือกแรกของเรา แต่สำหรับผู้ที่ลองทำไปแล้วอาจจะข้ามไปลองในตัวเลือกที่ 2 เลยก็ได้  แต่ยังไงก็ควรเริ่มให้เร็วที่สุด อาจจะเริ่มทำแบบส่วนตัวที่บ้าน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เปิดตัวสู่สาธารณะไปเลย ซึ่งจะทำให้เราได้เป็นที่รู้จัก ได้ feedback หรือข้อเสนอแนะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุง  ลองสังเกตความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นจากการทำสิ่งนั้น ดูซิว่ามันเป็นสิ่งที่เรารอคอยที่จะทำ สร้างความตื่นเต้นให้เรา และเรารักที่จะแบ่งปันมันรึเปล่า
        7. คัดตัวเลือกให้เหลือน้อยที่สุด  ขอแนะนำให้เลือกประมาณ 3-5 อย่างจาก list ของเรา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการทดลองเป็นเดือนๆ  สิ่งที่เราต้องถามตัวเองในตอนนี้คือ อะไรทำให้เราตื่นเต้นมากที่สุด อะไรที่ทำให้คนยอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายหรือตื่นเต้นกับมัน อะไรที่ทำให้เรามองเห็นตัวเองทำสิ่งนี้ไปได้เป็นปีๆ (แม้มันจะไม่ใช่อาชีพตามกระแสก็ตาม) ให้เลือกมา 1-2 ตัวเลือกเท่านั้น  อีก 3 ขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำคือ ขจัดความกลัว, หาเวลา,และทำมันให้เป็นอาชีพถ้าเป็นไปได้ ถ้าลองแล้วมันไม่ work ก็ให้เลือกทำในตัวเลือกต่อไปใน list   มันไม่น่าอายที่ลองผิดลองถูก เพราะเราจะได้บทเรียนที่มีคุณค่าและช่วยสร้างความสำเร็จในอนาคตได้
        8. ขจัดความกลัว  การกลัวความล้มเหลวหรือความไม่มั่นใจในตนเอง เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่เลยแหละ แต่เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมันและต้องขจัดมันไปให้ได้ ข้อแรก จงยอมรับมันแทนที่จะปฏิเสธมัน ข้อสอง เขียนมันลงไปบนกระดาษ เพื่อที่จะดึงความรู้สึกนั้นออกมาจากตัวเรา ข้อสาม ให้รู้สึกกับมันและรู้สึก ok ที่ต้องมีมันอยู่ด้วย ข้อสี่ ถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น ข้อห้า เตรียมตัวที่จะต้องเผชิญกับสิ่งนั้นและลงมือทำ แค่ค่อยๆ ก้าวเล็กๆไปทีละก้าวและลืมสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ให้อยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน ให้รางวัลกับตัวเองบ้างแม้ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็กๆน้อยๆก็ตาม
        9. หาเวลา  อย่าบอกว่าไม่มีเวลาที่จะไล่ตามความฝันนี้ จงสร้างเวลาเพราะถ้ามันเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ เราจะต้องให้เวลากับมันได้ ลองจัดระเบียบชีวิตตัวเองจนเรามีเวลาในการทำสิ่งนั้น อาจจะหมายถึงการที่เราต้องตื่นเร็วขึ้น ต้องทำมันหลังเลิกงาน หรือระหว่างช่วงพักกลางวัน หรือช่วงวันหยุด หรือการที่ต้องยกเลิกอะไรบางอย่าง หรือต้องทำมันอย่างหนักล่วงหน้า (เหมือนที่ต้องทำงานล่วงหน้าก่อนลาพักร้อน)
  
10. จะหาเลี้ยงชีพกับสิ่งที่เรารักได้อย่างไร  แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ข้ามคืน เราต้องลงมือทำ มีความถนัดที่จะทำ และหลงใหลที่จะทำมัน อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี  แต่ถ้าเราสนุกกับมัน นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเมื่อถึงจุดที่ผู้คนยอมจ่ายให้กับมัน นั่นถือว่าเราได้กำไร มีหลากหลายหนทางที่สามารถหาเลี้ยงชีพกับสิ่งที่เรารักได้ เช่น การเป็น freelance, เป็นที่ปรึกษา ขอแนะนำให้ใช้โลก Social media ให้เป็นประโยชน์ อาจเริ่มต้นจากการเขียน Blog หรือ facebook ซึ่งเป็นช่องทางในการแสดงผลงานและความปรารถนาของเราสู่สาธารณะ ช่วยสร้างชื่อเสียง รวมถึงพบเจอผู้ที่มีความสนใจในผลงานของเรา


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.trueplookpanya.com/


ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคนมี และแนวอาชีพ

ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคนมี และแนวอาชีพ

ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน



ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคนมี และแนวอาชีพ 
(ทฤษฎีพหุปัญญา Theory of Multiple Intelligences)

        การจะบอกว่าเด็กคนหนึ่งฉลาด หรือมีความสามารถมากน้อยเพียงใด ถ้าเรานำระดับสติปัญญาหรือไอคิว ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมาเป็นมาตรวัด ก็อาจได้ผลเพียงเสี้ยวเดียว เพราะว่าวัดได้เพียงเรื่องของภาษา ตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์ และมิติสัมพันธ์เพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีความสามารถอีกหลายด้านที่แบบทดสอบในปัจจุบันไม่สามารถวัดได้ครอบคลุมถึง เช่น เรื่องของความสามารถทางดนตรี ความสามารถทางกีฬา และความสามารถทางศิลปะ เป็นต้น
        ศาสตราจารย์โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) นักจิตวิทยา มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เป็นผู้หนึ่งที่พยายามอธิบายให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลาย โดยคิดเป็น “ ทฤษฎีพหุปัญญา ” (Theory of Multiple Intelligences) เสนอแนวคิดว่า สติปัญญาของมนุษย์มีหลายด้านที่มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะโดดเด่นในด้านไหนบ้าง แล้วแต่ละด้านผสมผสานกัน แสดงออกมาเป็นความสามารถในเรื่องใด เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคนไป
        ในปี พ.ศ. 2526 การ์ดเนอร์ ได้เสนอว่าปัญญาของมนุษย์มีอยู่อย่างน้อย 7 ด้าน คือ ด้านภาษา ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ ด้านมิติสัมพันธ์ ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้านการเข้าใจตนเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ได้เพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ด้าน คือ ด้านธรรมชาติวิทยา เพื่อให้สามารถอธิบายได้ครอบคลุมมากขึ้น จึงสรุปได้ว่า
พหุปัญญา ตามแนวคิดของการ์ดเนอร์ ในปัจจุบันมี ความฉลาด (ปัญญา) อยู่อย่างน้อย 8 ด้าน ดังนี้

 ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน       
        1. ความฉลาดด้านภาษา (Linguistic Intelligence)  คือ ความสามารถในการใช้ภาษารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ภาษาพื้นเมือง จนถึงภาษาอื่นๆ ด้วย สามารถรับรู้ เข้าใจภาษา และสามารถสื่อภาษาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ตามที่ต้องการผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น ก็มักเป็น กวี นักเขียน นักพูด นักหนังสือพิมพ์ ครู ทนายความ หรือ นักการเมือง        


ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน                2. ความฉลาดด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence) คือ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดเชิงนามธรรม การคิดคาดการณ์ และการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น ก็มักเป็น นักบัญชี นักสถิติ นักคณิตศาสตร์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักเขียนโปรแกรม หรือวิศวกร
ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน
        3. ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ (Visual-Spatial Intelligence) คือ ความสามารถในการรับรู้ทางสายตาได้ดี สามารถมองเห็นพื้นที่ รูปทรง ระยะทาง และตำแหน่ง อย่างสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน แล้วถ่ายทอดแสดงออกอย่างกลมกลืน มีความไวต่อการรับรู้ในเรื่องทิศทาง  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น จะมีทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ สายวิทย์ ก็มักเป็น นักประดิษฐ์ วิศวกร ส่วนสายศิลป์ ก็มักเป็นศิลปินในแขนงต่างๆ เช่น จิตรกร วาดรูป ระบายสี เขียนการ์ตูน นักปั้น นักออกแบบ ช่างภาพ หรือสถาปนิก เป็นต้น
       
ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน          4. ความฉลาดด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily Kinesthetic Intelligence) คือ ความสามารถในการควบคุมและแสดงออกซึ่งความคิด ความรู้สึก โดยใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงความสามารถในการใช้มือประดิษฐ์ ความคล่องแคล่ว ความแข็งแรง ความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น ความประณีต และความไวทางประสาทสัมผัส  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักกีฬา หรือไม่ก็ศิลปินในแขนง นักแสดง นักฟ้อน นักเต้น นักบัลเล่ย์ หรือนักแสดงกายกรร

ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน
        5. ความฉลาดด้านดนตรี (Musical Intelligence) คือ ความสามารถในการซึมซับ และเข้าถึงสุนทรียะทางดนตรี ทั้งการได้ยิน การรับรู้ การจดจำ และการแต่งเพลง สามารถจดจำจังหวะ ทำนอง และโครงสร้างทางดนตรีได้ดี และถ่ายทอดออกมาโดยการฮัมเพลง เคาะจังหวะ เล่นดนตรี และร้องเพลง  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง หรือนักร้อง


ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน        6. ความฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence) คือ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ทั้งด้านความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ และเจตนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน มีความไวในการสังเกต สีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง สามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม สร้างมิตรภาพได้ง่าย เจรจาต่อรอง ลดความขัดแย้ง สามารถจูงใจผู้อื่นได้ดี เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคน  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นครูบาอาจารย์ ผู้ให้คำปรึกษา นักการฑูต เซลแมน พนักงานขายตรง พนักงานต้อนรับ ประชาสัมพันธ์ นักการเมือง หรือนักธุรกิจ

ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน
        7. ความฉลาดด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence) คือ ความสามารถในการรู้จัก ตระหนักรู้ในตนเอง สามารถเท่าทันตนเอง ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมตามกาลเทศะ และสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเผชิญหน้า เมื่อไหร่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อไหร่ต้องขอความช่วยเหลือ มองภาพตนเองตามความเป็นจริง รู้ถึงจุดอ่อน หรือข้อบกพร่องของตนเอง ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าตนมีจุดแข็ง หรือความสามารถในเรื่องใด  มีความรู้เท่าทันอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ความคาดหวัง ความปรารถนา และตัวตนของตนเองอย่างแท้จริง เป็นปัญญาด้านที่จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกคนเช่นกัน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความสุข  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักคิด นักปรัชญา หรือนักวิจัย

ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน8. ความฉลาดด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence) คือ ความสามารถในการรู้จัก และเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เข้าใจกฎเกณฑ์ ปรากฏการณ์ และการรังสรรค์ต่างๆ ของธรรมชาติ มีความไวในการสังเกต เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปของธรรมชาติ มีความสามารถในการจัดจำแนก แยกแยะประเภทของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์  แนวอาชีพของผู้ที่มีความฉลาดด้านนี้โดดเด่น มักจะเป็นนักธรณีวิทยา นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย หรือนักสำรวจธรรมชาติ



ความฉลาด 8 ด้าน ที่ทุกคน  ทฤษฎีนี้ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในกระบวนการส่งเสริมการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเน้นความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก ดังนี้

1. แต่ละคน ควรได้รับการส่งเสริมให้ใช้ปัญญาด้านที่ถนัด เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้

2. ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ควรมีรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับปัญญาที่มีอยู่หลายด้าน

3. ในการประเมินการเรียนรู้ ควรวัดจากเครื่องมือที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถครอบคลุมปัญญาในแต่ละด้าน

ทฤษฎีพหุปัญญา ของการ์ดเนอร์ ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางปัญญาของมนุษย์ ซึ่งมีหลายด้าน หลายมุม แต่ละด้านก็มีความอิสระในการพัฒนาตัวของมันเองให้เจริญงอกงาม ในขณะเดียวกันก็มีการบูรณาการเข้าด้วยกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน แสดงออกเป็นเอกลักษณ์ทางปัญญาของมนุษย์แต่ละคน

คนหนึ่งอาจเก่งเพียงด้านเดียว หรือเก่งหลายด้าน หรืออาจไม่เก่งเลยสักด้าน แต่ที่ชัดเจน คือ แต่ละคนมักมีปัญญาด้านใดด้านหนึ่งโดดเด่นกว่าเสมอ ไม่มีใครที่มีปัญญาทุกด้านเท่ากันหมด หรือไม่มีเลยสักด้านเดียว

นับเป็นทฤษฎีที่ช่วยจุดประกายความหวัง เปิดกระบวนทัศน์ใหม่ในการศึกษาด้านสติปัญญาของมนุษย์ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในกลุ่มเด็กปกติ เด็กที่มีความบกพร่อง และเด็กที่มีความสามารถพิเศษ


เอกสารอ้างอิง
อารี สัณหฉวี และอุษณีย์ อนุรุทธ์วงศ์. 15 สิงหาคม 2548. พหุปัญญา (Online). Available URL: http://www.thaigifted.org
Armstrong T. 1994. Multiple intelligence (Online). Available URL: http://www.thomasarmstrong.com/multiple_intelligences.htm
Gardner H. 2005, August 15. Intelligence in seven steps . (Online). Available URL: http://www.newhorizons.org/future/Creating_the_Future/crfut_gardner.html
Multiple intelligences (Online). Available URL: http://www.newhorizons.org/strategies/mi/front_mi.htm
Multiple intelligences (H. Gardner) (Online). Available URL: http://tip.psychology.org/gardner.html

ที่มา : happyhomeclinic.com
photocredit : consciouslifestylesradioblog.com, taintorassociates.com, chacha.com, blogs.artinfo.com, expg.jp, foxbusinesscom, mostphotos.com, starryeyedhopes.wordpress.com