10 เทคนิคง่ายๆ ในการค้นพบตนเอง
เคยถามตัวเองกันไหมว่าสิ่งที่เราเลือกเรียน
หรือเลือกประกอบอาชีพเป็นสิ่งที่เรารักแล้วจริงไหม หรือเราทำไปตามกระแสสังคม
เพราะเงิน เพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เรามีความสุขกับมันแล้วจริงหรือ หลายต่อหลายคนกล่าวไว้ว่า
การได้ทำในสิ่งที่ตนรักแล้วสามารถเลี้ยงชีพจากสิ่งนั้นได้ด้วย
นับเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว หนึ่งในนั้นคือ สตีฟ จอบส์ (Steve
Jobs) ผู้ก่อตั้ง Apple กล่าวว่า
เขาโชคดีที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงสามารถเริ่มต้นความฝันของเขาได้เร็ว
ใครที่ทราบชีวประวัติของเขาจะรู้ดีว่าเขาได้พบเจออุปสรรคมากมายในชีวิต
แต่สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ก้าวผ่านอุปสรรคนั้นก็คือ เขารักในสิ่งที่ทำ ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมาก
แล้วสำหรับผู้ที่ยังหาความฝันของตัวเองไม่เจอล่ะ ไม่ต้องตกใจไป เพราะทีมเรามีเทคนิคง่ายๆ มานำเสนอ ซึ่งเป็นเทคนิคที่แบ่งปันโดยคุณ Leo Babauta เจ้าของ Zen Habits Blog หนึ่งในผู้โชคดีที่ได้หาเลี้ยงชีพจากสื่งที่ตนรัก และ confirm ว่ามันวิเศษจริงๆ เทคนิคนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุม หรือช่วยฟันธงความฝันของเรา แต่แน่นอนว่ามันจะเป็นตัวช่วยในระหว่างทางที่เรากำลังตามหาความฝัน มาเริ่มเดินทางกันเลย
แล้วสำหรับผู้ที่ยังหาความฝันของตัวเองไม่เจอล่ะ ไม่ต้องตกใจไป เพราะทีมเรามีเทคนิคง่ายๆ มานำเสนอ ซึ่งเป็นเทคนิคที่แบ่งปันโดยคุณ Leo Babauta เจ้าของ Zen Habits Blog หนึ่งในผู้โชคดีที่ได้หาเลี้ยงชีพจากสื่งที่ตนรัก และ confirm ว่ามันวิเศษจริงๆ เทคนิคนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุม หรือช่วยฟันธงความฝันของเรา แต่แน่นอนว่ามันจะเป็นตัวช่วยในระหว่างทางที่เรากำลังตามหาความฝัน มาเริ่มเดินทางกันเลย
1. คิดถึงสิ่งที่เราถนัด ลองนึกดูสิว่าเราถนัดทำอะไร หรือมีความสามารถพิเศษอะไร อาจจะเป็นกิจกรรมที่เราเคยทำได้ดีในตอนเด็กๆ เช่น วาดรูป เขียนหนังสือ ปลูกต้นไม้ ขายของ เป็นนักพูด นักวางแผน ประสานงานต่างๆ ลองใช้เวลาสัก 30 นาทีในการคิดย้อนกลับไปในสิ่งที่เราทำได้ดีแต่อาจจะหลงลืมไปบ้าง ทั้งในเรื่องการทำงาน, งานอดิเรก,โปรเจคต่างๆ แล้วลองเขียน list ออกมา มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความฝันของเราก็ได้
2. คิดถึงสิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้น อาจจะเป็นบางอย่างในหน้าที่การงานหรือในงานอดิเรก
บางสิ่งที่เราทำในฐานะจิตอาสา ฐานะพ่อแม่ แฟน หรือเพื่อน หรือบางสิ่งที่เราไม่ได้ทำมาสักพักแล้ว
ลองใช้เวลาคิด 15-30นาที และเขียน list ออกมา (ถ้าคิดไม่ออก
อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่าไหร่)
การได้ทำในสิ่งที่ตนรักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่การจะค้นพบสิ่งที่ตนรักนั้นยากยิ่งกว่า มันต้องอาศัยการไตร่ตรองและการค้นหาจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก ต้องเริ่มต้นจากความกล้าหาญ การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก และความรับผิดชอบอย่างมากมายในตอนท้าย แต่บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะพบสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเรา ทำให้เราอยากกระโดดออกจากเตียงเพื่อตื่นขึ้นมาทำมันในทุกๆวัน ทำให้เรามีความสุขถึงแม้ว่างานนั้นจะหนักแค่ไหนก็ตาม
การได้ทำในสิ่งที่ตนรักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่การจะค้นพบสิ่งที่ตนรักนั้นยากยิ่งกว่า มันต้องอาศัยการไตร่ตรองและการค้นหาจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก ต้องเริ่มต้นจากความกล้าหาญ การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก และความรับผิดชอบอย่างมากมายในตอนท้าย แต่บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามากที่จะทำ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะพบสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเรา ทำให้เราอยากกระโดดออกจากเตียงเพื่อตื่นขึ้นมาทำมันในทุกๆวัน ทำให้เรามีความสุขถึงแม้ว่างานนั้นจะหนักแค่ไหนก็ตาม
3. ชอบอ่านเกี่ยวกับอะไร ลองสังเกตดูสิว่าเราชอบอ่านอะไร แนวไหน
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ, magazine, blog, website ที่ชอบ
และหมวดไหนในร้านหนังสือที่เรามักจะไปคลุกตัวอยู่เป็นประจำ
อาจจะมีหลายหมวดหมู่ที่เราชอบอ่าน ก็เติมลงไปใน list ได้เช่นกัน
4. อาชีพในฝันของเรา เราอาจจะมีอาชีพในฝันที่อาจจะดูขำๆ สำหรับเรา เช่น อยากเป็นศิลปิน นักเขียนนิยาย นักออกแบบ สถาปนิก หมอ นักธุรกิจ โปรแกรมเมอร์ แต่ด้วยความกลัว หรือ ความไม่มั่นใจอะไรก็แล้วแต่ที่อาจทำให้เราไม่กล้าทำตามฝันนั้น ให้เขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปใน list โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นจริง
5. เรียนรู้และศึกษา คราวนี้ก็มาดู list ในมือของเรา
หยิบมาหนึ่งอย่างที่ทำให้เราตื่นเต้นที่สุด นี่เป็นตัวเลือกตัวแรกของเรา
และจงศึกษามัน พยายามคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จในด้านนั้นๆ
(ไม่ว่าจะเป็นการคุยผ่าน blog หรือ email ก็ได้)
จากนั้น จดสิ่งที่เราต้องการปรับปรุงหรือเรียนรู้เพิ่มเติม,รายชื่อบุคคลที่ต้องไปคุยด้วย
แต่อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานก่อนที่จะก้าวไปในขั้นตอนต่อไป
6. ลองทำและพยายาม ขั้นตอนนี้แหละที่เป็นการเริ่มต้นการเรียนรู้อย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เริ่มเรียนรู้ก็ให้เริ่มจากตัวเลือกแรกของเรา แต่สำหรับผู้ที่ลองทำไปแล้วอาจจะข้ามไปลองในตัวเลือกที่ 2 เลยก็ได้ แต่ยังไงก็ควรเริ่มให้เร็วที่สุด อาจจะเริ่มทำแบบส่วนตัวที่บ้าน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เปิดตัวสู่สาธารณะไปเลย ซึ่งจะทำให้เราได้เป็นที่รู้จัก ได้ feedback หรือข้อเสนอแนะต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุง ลองสังเกตความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นจากการทำสิ่งนั้น ดูซิว่ามันเป็นสิ่งที่เรารอคอยที่จะทำ สร้างความตื่นเต้นให้เรา และเรารักที่จะแบ่งปันมันรึเปล่า
7. คัดตัวเลือกให้เหลือน้อยที่สุด ขอแนะนำให้เลือกประมาณ
3-5 อย่างจาก list ของเรา
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการทดลองเป็นเดือนๆ สิ่งที่เราต้องถามตัวเองในตอนนี้คือ อะไรทำให้เราตื่นเต้นมากที่สุด
อะไรที่ทำให้คนยอมที่จะควักกระเป๋าจ่ายหรือตื่นเต้นกับมัน อะไรที่ทำให้เรามองเห็นตัวเองทำสิ่งนี้ไปได้เป็นปีๆ (แม้มันจะไม่ใช่อาชีพตามกระแสก็ตาม)
ให้เลือกมา 1-2 ตัวเลือกเท่านั้น อีก 3 ขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำคือ ขจัดความกลัว,
หาเวลา,และทำมันให้เป็นอาชีพถ้าเป็นไปได้
ถ้าลองแล้วมันไม่ work ก็ให้เลือกทำในตัวเลือกต่อไปใน list มันไม่น่าอายที่ลองผิดลองถูก
เพราะเราจะได้บทเรียนที่มีคุณค่าและช่วยสร้างความสำเร็จในอนาคตได้
8. ขจัดความกลัว การกลัวความล้มเหลวหรือความไม่มั่นใจในตนเอง
เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่เลยแหละ
แต่เราก็ต้องเผชิญหน้ากับมันและต้องขจัดมันไปให้ได้ ข้อแรก
จงยอมรับมันแทนที่จะปฏิเสธมัน ข้อสอง เขียนมันลงไปบนกระดาษ
เพื่อที่จะดึงความรู้สึกนั้นออกมาจากตัวเรา ข้อสาม ให้รู้สึกกับมันและรู้สึก ok
ที่ต้องมีมันอยู่ด้วย
ข้อสี่ ถามตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น ข้อห้า
เตรียมตัวที่จะต้องเผชิญกับสิ่งนั้นและลงมือทำ แค่ค่อยๆ
ก้าวเล็กๆไปทีละก้าวและลืมสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้น ให้อยู่กับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน
ให้รางวัลกับตัวเองบ้างแม้ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็กๆน้อยๆก็ตาม
9. หาเวลา อย่าบอกว่าไม่มีเวลาที่จะไล่ตามความฝันนี้
จงสร้างเวลาเพราะถ้ามันเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ เราจะต้องให้เวลากับมันได้
ลองจัดระเบียบชีวิตตัวเองจนเรามีเวลาในการทำสิ่งนั้น
อาจจะหมายถึงการที่เราต้องตื่นเร็วขึ้น ต้องทำมันหลังเลิกงาน
หรือระหว่างช่วงพักกลางวัน หรือช่วงวันหยุด หรือการที่ต้องยกเลิกอะไรบางอย่าง
หรือต้องทำมันอย่างหนักล่วงหน้า (เหมือนที่ต้องทำงานล่วงหน้าก่อนลาพักร้อน)
10. จะหาเลี้ยงชีพกับสิ่งที่เรารักได้อย่างไร แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ข้ามคืน
เราต้องลงมือทำ มีความถนัดที่จะทำ และหลงใหลที่จะทำมัน
อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี แต่ถ้าเราสนุกกับมัน นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเมื่อถึงจุดที่ผู้คนยอมจ่ายให้กับมัน
นั่นถือว่าเราได้กำไร มีหลากหลายหนทางที่สามารถหาเลี้ยงชีพกับสิ่งที่เรารักได้
เช่น การเป็น freelance, เป็นที่ปรึกษา ขอแนะนำให้ใช้โลก Social
media ให้เป็นประโยชน์ อาจเริ่มต้นจากการเขียน Blog หรือ facebook
ซึ่งเป็นช่องทางในการแสดงผลงานและความปรารถนาของเราสู่สาธารณะ
ช่วยสร้างชื่อเสียง รวมถึงพบเจอผู้ที่มีความสนใจในผลงานของเรา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.trueplookpanya.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น