25 มิ.ย. 2558

ความสามารถกับอาชีพในอนาคตของเด็ก

        จากการศึกษาของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการศึกษาชื่อดังชาวเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้คิดค้นทฤษฏี Multiple Intelligences หรือทฤษฏีพหุปัญญาขึ้นเมื่อปี พ.. 2526 ซึ่งเป็นทฤษฏีที่เน้นความสามารถที่หลากหลายของมนุษย์ พบว่าความสามารถของคนเรานั้นแบ่งได้ 9 ด้าน ได้แก่
        


        1. Linguistic Ability : ความสามารถด้านภาษา เด็กที่มีความสามารถด้านนี้จะเรียนรู้และเข้าใจคำพูดต่างๆ ได้เร็วเกินวัยสามารถใช้คำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเขียน การพูดจูงใจ โน้มนาว การอธิบาย เล่านิทาน โต้เถียง การให้เหตุผล การเขียนสรุป ชอบคิดชอบเขียน มีความจำดี เด็กที่มีแววด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักเรียน นักประพันธ์ หรือนักการเมือง เป็นต้น
        2. Logical Mathematical Ability  : ความสามารถด้านตรรกวิทยาและคณิตศาสตร์ เป็นด้านที่เด็กมีความถนัดทางคณิตศาสตร์ มีความเข้าใจในเรื่องตัวเลขได้เร็ว ใช้เงินเป็นและเร็วกว่าเด็กในวันเดียวกันสามารถคิดแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวเลข การทดลอง การสังเคราะห์ความคิด สำรวจ การคำนวณ เรียงลำดับเวลาหรือเหตุการณ์ การใช้เหตุผล การตั้งสมมติฐาน  เด็กที่มีแนวด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักคณิตศาสตร์นักวิทยาศาสตร์เป็นต้น


        3. Musical Ability : ความสามารถด้านดนตรี  เด็กจะมีความถนัดหรือเก่งในเรื่องของ  ดนตรี  ชอบฟังเพลง ร้องเพลง จำเนื้อเพลง และตอบสนองกับจังหวะดนตรีได้เร็ว จะ เต้นตามเมื่อได้ยินดนตรีจังหวะสนุกๆ ชอบของเล่นที่เป็นเครื่องดนตรีเป็นพิเศษ เมื่อเรียนดนตรีจะสามารถพัฒนาไปได้เร็วมาก  เด็กที่มีแววด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง เป็นต้น
        4. Spatial Ability: ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ มีความสามารถในการมองเห็นภาพ รวม  เรียนรู้เมื่อวาดรูป ระบายสี การลอกลาย การเขียนแผนที่ เข้าใจ และมองโลกได้ อย่างถูกต้อง  เด็กที่มีแววด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นวิศวกร สถาปนิก จิตรกร เป็นต้น
        5. Bodily-Kinesthetic:  ความสามารถด้านกีฬาและการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย  จะมีพฤติกรรมไม่อยู่นิ่ง มีความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อได้ดี เช่น กระโดดขาเดียว เดินทรงตัวบนเส้นตรงได้ดี จะรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขเมื่อได้ออกกำลัง เต้นรำ หรือการแสดงออกต่างๆ  เด็กที่มีแนวด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักกีฬา เป็นต้น
        6. Interpersonal Ability: ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์ จะเป็นเด็กที่ชอบบริการคนอื่นๆ ช่างเอาอกเอาใจ ชอบช่วยเหลือเพื่อน พูดจาไพเราะ อ่อนหวานน่ารัก มีความกล้าที่จะพูดคุยกับผู้คน ชอบพบปะผู้คนหลากหลาย ชอบเข้าสังคม ไม่กลัวคนแปลกหน้า ชอบสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างบุคคล  เด็กที่มีแววด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักพูด นักประชาสัมพันธ์ ผู้นำการเมือง พนักงานขาย เป็นต้น
        7. Intrapersonal Ability: ความสามารถด้านจิตวิเคราะห์ ชอบเรียนรู้ค้นคว้าวิจัย เขียนบันทึกประจำวัน สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง หาคำตอบให้กับตัวเองได้ เข้าใจความรู้สึกของตนเอง   เด็กที่มีแววด้านนี้โตขึ้นอาจเป็นนักจิตวิทยา ผู้นำศาสนา เป็นต้น
        8. Naturalist Ability: ความสามารถด้านธรรมชาติศึกษา ชอบเรียนรู้สิ่งแวดล้อมทั้งคนและธรรมชาติ ชอบสังเกตความแตกต่าง เปรียบเทียบ ชอบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์  เด็กที่มีแววนี้โตขึ้นอาจเป็นนักชีววิทยา นักสิ่งแวดล้อม นักธรณีวิทยา เป็นต้น
        9. Creative Ability หรือ Imagination Ability: คือความสามารถในการคิดพลิกแพลงแตกต่างในการแก้ปัญหา หรือการคิดใจสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ออกจากแนวเดิมๆ ที่เราเคยมี เช่น การคิดแปรรูปสินค้า การออกแบบลวดลายผ้า ประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องบิน โทรศัพท์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มมูลค่าของสินค้ามากขึ้น  เด็กในแนวนี้มักจะเป็นเจ้าของกิจการ สถาปนิก ดีไซเนอร์ ฯลฯ



        ดังนั้น การค้นหาความถนัดของเด็กเป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่จึงควรสังเกตลูกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ลูกยังเล็กว่ามีความถนัดด้านใด เพื่อจะได้ส่งเสริมได้อย่างถูกทาง ทั้งนี้ เด็กไม่จำเป็นต้องเก่งในทางวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีความสามารถด้านอื่นที่โดดเด่นกว่า ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่พ่อแม่จะได้กระตุ้นส่งเสริมได้อย่างถูกทาง ตรงตามความถนัดของตัวเด็กเอง ซึ่งจะทำให้เด็กเติบโตอย่างเป็นสุข ได้เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น